หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

iPhone 5 มาแล้วครับ


ถือเป็นความโชคดีที่คนกะจะรอ iPhone 5 เปิดตัวในไทยแล้วค่อยซื้ออย่างผม ได้มีโอกาสรับเครื่อง iPhone 5 มารีวิวกันตั้งแต่เนิ่นๆ ดังนั้นครั้งนี้ก็จะขอรีวิวกันแบบเล่าเรื่องว่าตลอดระยะเวลาหลายวันที่ได้ ใช้ iPhone 5 นั้นผมรู้สึกอยากไร ซึ่งแน่นอนว่าตามสไตล์เราจะไม่เน้นสเปคเครื่องทั้งหลายแหล่เพราะก็หาอ่านตาม เว็บไซต์อื่นๆ ได้อยู่แล้ว โดยจะเน้นประสบการณ์ในการใช้งานเป็นหลัก เอาเป็นว่าเชิญชมกันดีกว่าครับ

iPhone 5 รุ่น 16GB เครื่องสิงคโปร์

แน่นอนครับว่าเครื่องที่ได้รับมาเป็นเครื่องหิ้วจากต่างประเทศ ซึ่งเครื่องนี้มาจากสิงคโปร์ โดยที่ราคาบ้านเค้าอยู่ที่ S$ 948 หรือราวๆ 24,000 บาท ในรุ่น 16GB ซึ่งแน่นอนว่าราคาเปิดตัวถือว่าแพงกว่าปรกติ ย่อมทำให้คาดเดาได้ไม่ยากว่าราคาตอนเข้าประเทศไทยน่าจะมีการปรับขึ้นจากเดิม ที่ iPhone 4S เคยมีการเปิดตัวด้วยราคาประมาณ 21,000-23,000 เท่านั้น ซึ่งในขณะที่ทำรีวิวอยู่นี้เครื่องหิ้วแถว MBK ก็เปิดราคาเริ่มต้นที่ 16GB ราคา 36,000 บาทกันเลยทีเดียว แถมขายดีจนหมดเกลี้ยงซะด้วย ใจร้อนกันจริงๆ วัยรุ่น!

กล่องแอบจีน (แดง)


สารภาพว่าแว๊บแรกที่เห็นกล่อง iPhone 5 สีดำในใจก็นึกขึ้นมาว่าของปลอมแน่ๆ แต่เอาเข้าจริงๆ ก็คืออันนั้นแหละของจริงแท้จาก Apple แล้ว ซึ่งกล่อง iPhone 5 ในเวอร์ชั่นสีดำดูจะขัดหูขัดตาหน่อย เพราะสีกล่องจะออกเทาๆ เข้ม ไม่เชิงดำสนิท และตัวหนังสือสีดำเงาๆ ดูแล้วไม่ค่อยเนี๊ยบและสวยเท่าไหร่ ส่วนกล่องสีขาวยังดูโอเคกว่า แต่ก็อาจเพราะเราเคยชินกับกล่องสีขาวมานานก็เป็นได้ อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะครับ บางคนอาจจะชอบกล่องสีดำมากๆ ก็ได้ แล้วแต่ความชอบกันไป

เริ่มต้นแกะกล่อง


เมื่อทำใจจากกล่องได้แล้วก็เริ่มแกะกล่องกันเลย โดยแพ็คเกจของ iPhone 5 ก็มาตามมาตรฐาน iPhone ในช่วงหลายๆ ปีที่ผ่านๆ มา แกะออกมาก็มี iPhone 5 นอนรออยู่บนถาดและด้านในก็จะมีซองคู่มือ (พร้อมที่จิ้มถาดซิม), สาย Lightning, ปลั๊กไฟ USB (ซึ่งผมไม่ได้เอามาด้วยซะอย่างงั้น โดยจริงๆ จะให้มาเป็นหัวสามเหลี่ยม) และ EarPods

แกะซองคู่มือก็จะมีคู่มือมาให้เล็กน้อย และที่จิ้มถาดซิมวางอยู่ข้างใน มีสติ๊กเกอร์รูป Apple มาให้สองอันตามปรกติ

เครื่องแน่นดีไซน์สวย


ลองมาดูที่ตัวเครื่องกันบ้างเลย ซึ่งผมเป็นคนที่ใช้ iPhone 4 และ iPhone 4S สีดำมานาน ผมยังจำวันแรกที่ได้จับ iPhone 4 ได้ โดยวันนั้นรู้สึกตื่นเต้นกับคุณภาพของวัสดุที่นำมาประกอบเป็น iPhone 4 มากเพราะดูมันล้ำหน้าชาวบ้านไปเยอะ ซึ่งในครั้งนี้ก็เหมือนกันที่ตัวเครื่องดูแน่นหนา บึกบึน จับกระชับมือมากๆ

พูดถึงความบาง ถือว่าด้วยดีไซน์ของ iPhone 5 จะทำให้มันดูหลอกตาคนเคยใช้ iPhone 4S มาก่อนหน้านี้โดยอัตโนมัติ เพราะเหมือนเป็นการตัดเอาส่วนขอบที่ยื่นๆ ออกมาจากตัวอลูมิเนียมใน iPhone 4S ออกไป จนเหลือเพียงแค่ขอบอลูมิเนียมเพียวๆ ดังนั้นตัวจริงของ iPhone 5 เลยดูบางสุดๆ ถึงแม้จะแค่เห็นด้วยภาพ และยิ่งได้มาลองจับก็จะรู้สึกได้เลยว่าบางลงเยอะจริงๆ เอาง่ายๆ พอลองไปจับ iPhone 4S จะกลายเป็นว่ามันดูอ้วนไปเลย (มันจะงอลไหมเนี่ย)

ตรงด้านข้างของเครื่องสีดำก็จะเป็นสีดำด้าน ให้สัมผัสด้านๆ แบบอลูมิเนียมสุดๆ และมีการย้ายช่องหูฟังมาใว้ด้านล่าง ตรงนี้ผมว่าในการใช้งานจริงสะดวกกว่าเดิมมาก เพราะเดิมเวลาเราเสียบหูฟังแล้วยกเครื่องมาเล่น สายมันอาจจะมาบังหน้าจอได้ แต่คราวนี้ปล่อยลงไปข้างล่างแล้ว หายห่วง

หันมาด้านหลัง พื้นที่ตรงส่วนกลางเครื่องทำมาจากอโนไดซ์อลูมิเนียมประเภทเดียวกับที่ใช้บน MacBook Pro และขอบบนกับขอบล่างเป็นกระจกสีดำ (วัสดุอาจจะไม่ใช่กระจกซะทีเดียว ต้องรอยืนยันอีกที) สำหรับหลังเครื่องจำได้เลยว่าตอนแรกที่เคยเห็นภาพหลุดๆ รู้สึกเลยว่าไม่สวย ไม่ชอบ แต่พอได้จับของจริงก็ต้องบอกว่าคุณภาพวัสดุมันดูดีจริงๆ จนทำให้จากที่เคยไม่ชอบก็รู้สึกดีขึ้นมาได้ โดยของจริงมันจะออกดำๆ เทาๆ กว่าที่เราเห็นในภาพตามอินเตอร์เน็ทพอสมควร ทำให้เครื่องดูเข้มๆ ขรึมๆ สวยไปอีกแบบ

รอยถลอก?…มีชัวร์แถมเยอะแน่!

สำหรับเรื่องที่ใครหลายๆ คนสงสัยกันเกี่ยวกับรอยถลอกบน iPhone 5 ว่าจะมีเยอะและมีง่ายจริงอย่างที่เค้าลือกันหรือเปล่า ตอบกันตรงนี้ชัดๆ เลยครับว่า “มี” ชัวร์ เพราะรอบๆ iPhone 5 นั้นใช้วัสดุเป็นอลูมิเนียมสีดำ ซึ่งแน่นอนว่าจะเกิดรอยจากการใช้งานได้ง่ายมากๆ เพราะใครที่ใช้ MacBook Pro ก็รู้กันดีว่าอลูมิเนียมบนตัวเครื่องถึงจะทนทาน แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเกิดรอยซะทีเดียว และยิ่งพอมาเป็น iPhone 5 ที่เป็นสีดำด้วยแล้ว เวลามีรอยขนแมวหรือรอยกระทบจากการใช้งานทั่วไป จะเห็นได้ชัดเจนมากกว่าปรกติ

จากการรับเครื่องมาแค่หนึ่งวันกว่าๆ เชื่อไหมครับว่าเจอรอยที่ขอบด้านบนเครื่องทันที ลักษณะเหมือนโดนของแข็งมาขูดทั่วๆ ไปนี่แหละ เพียงแต่พอขอบมันเป็นสีดำ เวลาโดนอะไรมาขูดมันจะเป็นสีเงินออกมาชัดเจนมาก เศร้าจิตกันไป ดังนั้นบอกได้คำเดียวว่าถ้าจะใช้สีดำคงต้องรักษากันสุดๆ ไม่งั้นก็ต้องหนีไปใช้สีขาวแทน ก็จะพอทำใจได้มากกว่าหน่อยเพราะรอยอาจจะเห็นได้ยากกว่า แต่เชื่อว่ายังไงก็หนีไม่พ้น และพวกฟิล์มกันรอยรอบตัวอาจจะเป็นทางออกที่ดีได้

เบา…ได้อีก!


จำความรู้สึกตอนถือ iPhone 4 แล้วรู้สึกว่ามันหนักมือได้ไหมครับ? แน่นอนว่าตอนที่เราได้เจอ iPhone 4 เป็นครั้งแรก ตัวเครื่องนั้นเป็นกระจกและอลูมิเนียม ดังนั้นน้ำหนักที่เราหยิบจับขึ้นมาจะรู้สึกได้ว่าหนักแบบกำลังพอดีมือ แต่พอมาจับ iPhone 5 และยกขึ้นมาเป็นครั้งแรก บอกได้เลยว่าเบาจนน่าตกใจ เรียกว่าเบาจนรู้สึกประหลาดมือเลยทีเดียว ซึ่งก็น่าทึ่งเหมือนกันที่ Apple สามารถทำ iPhone 5 ที่ตัวเครื่องเป็นอลูมิเนียมทั้งแผง แต่เบาได้ขนาดนี้ อยากรู้ว่าเบาขนาดไหนน่ะเหรอ? เอาง่ายๆ ว่ามีคนมาขอลองจับลองเล่น iPhone 5 เครื่องนี้หลากหลายคนแล้ว แต่สิ่งที่ทุกคนพูดเป็นคำแรกเหมือนกันหมดหลังจากได้จับเครื่องก็คือเรื่อง ของความ “เบา” นี่แหละ อย่างอื่นแทบไม่สนกันเลย

จากตัวเลขที่เรารู้กันก็คือเบาลงประมาณ 30 กรัม ซึ่งเอาง่ายๆ เหมือนหยิบ iPhone 4S มาแล้วลบน้ำหนักออกไปด้วย iPod nano หนึ่งเครื่อง (งงไหม?) พูดไปซะเยอะยังไงก็อธิบายได้ไม่ดีเท่าไหร่ ดังนั้นผมแนะนำให้ไปหาลองจับลองยกเครื่อง iPhone 5 ด้วยมือตัวเองกันดูครับ แล้วจะเกิดกิเลสขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวเลยทีเดียว (ไม่ได้เว่อร์นะ)

จอแปลกตา…สีสด (มาก)



จากการที่จอของ iPhone 5 นั้นยาวขึ้นพอประมาณ ทำให้การใช้งานช่วงแรกๆ จะดูแปลกตาหน่อย เชื่อไหมครับว่าตอนหยิบมาเปิดจอใช้ครั้งแรกในใจแอบคิดไปถึงพวกซัมซุง, โซนี่ เลยเพราะจอเค้าใหญ่ยาวมานานแล้ว ซึ่งการที่จอยาวๆ มาอยู่ใน iPhone 5 ก็ช่วยให้การทำงานหลายๆ อย่างสะดวกขึ้นเช่นการเล่นเกมที่อัพเดทเพื่อรองรับ iPhone 5 แล้วก็จะมีพื้นที่มากขึ้น

App ต่างๆ ก็จะได้พื้นที่แสดงผลมากขึ้น และจะเป็นประโยชน์ต่อ App ที่ต้องแสดงผลเป็นแนวยาวๆ ลงมาเช่น Facebook มาก ส่วน App ที่ไม่ได้ต้องยาวอะไรก็ไม่ได้ต่างจากเดิมเท่าไหร่ แต่พวกเกมที่อัพเดทแล้วก็จะมีหน้าจอที่เต็มตาขึ้น ตรงนี้ผมว่าสนุกมากกับการที่ได้เล่นเกมบนจอใหญ่ขึ้นกว่าเดิมถึงแม้จะเป็นเกม เดิมๆ ก็ตาม

เรื่องของสีนี่ต้องเป็นประเด็นเลย เพราะจอใน iPhone 5 นั้นผมว่าให้สีที่สดขึ้นมากๆ และโทนสีดูจัดจ้านกว่า iPhone 4S อย่างเห็นได้ชัดเลย ส่วนหนึ่งอาจะเป็นเพราะหน้าจอแบบใหม่ด้วยและชิปกราฟิกแบบใหม่ ทำให้พวกเกมต่างๆ สีดูดีขึ้นเยอะ และพอกลับไปเล่น iPhone 4S กลายเป็นจอดูซีดและเพี้ยนไปเลย (จริงๆ นะ) ถือว่าจอใน iPhone 5 สีสดมากจริงๆ โดยตอนแรกนึกว่าเป็นที่จออย่างเดียว แต่พอจับภาพหน้าจอดึงไฟล์มาเทียบก็ได้ตามภาพข้างล่างนี้

iPhone 4S vs. iPhone 5


ลองมาดูการเปรียบเทียบส่วนอื่นๆ กับ iPhone 4S กันบ้าง ถ้าเป็นโดยรอบเราก็จะเห็นได้ค่อนข้างชัดว่าตัวเครื่องจะบางลงพอสมควร ส่วนขนาดความกว้างนั้นแทบจะเท่าเดิมเป๊ะๆ จะมีแค่ความขาวที่ยาวขึ้นพอประมาณซึ่งก็ไม่ได้ยาวขึ้นเยอะจนพกพาลำบากเพราะ ยังพกพาใส่กระเป๋ากางเกงได้ง่ายอยู่

กล้องหน้าใว้ใจได้ (แต่อย่าเยอะ)


ส่วนนึงที่ได้รับการอัพเกรดอย่างเห็นได้ชัดก็คือกล้องด้านหน้าที่มีความ ละเอียดมากขึ้น และเล่น FaceTime HD ได้ โดยจากการทดลองถ่ายรูปก็ได้ผลว่าความคมชัดนั้นดีขึ้นพอสมควรเลย เก็บรายละเอียดได้มากขึ้น ตรงนี้สาวๆ ทั้งหลายน่าจะชอบเพราะไม่ต้องเอากล้องหลังวัดดวงถ่ายรูปตัวเองอีกแล้ว ฝากความหวังใว้กับกล้องหน้าได้ซักที แต่ก็ใช่ว่าจะละเอียดสุดยอดขั้นเทพซะทีเดียวเพราะยังชัดต่างจากกล้องหลัง เยอะ ส่วนกล้องหลังแทบไม่มีอะไรต่างกับ iPhone 4S อาจจะเป็นการกั๊กเล็กๆ พองามรอปล่อยของในรุ่นใหม่อีกที

เร็วขึ้นไม่มีหน่วง


อย่างที่รู้กันว่า iPhone 5 นั้นใส่ Apple A6  ซึ่งเป็น CPU ความเร็วสูงที่ Apple ออกแบบเองเต็มๆ ทำให้การใช้งานทั่วไปนั้นเร็วมาก แบบไม่มีหน่วง การเปิด App ต่างๆ นี่แทบไม่ต้องรอกันเลยทีเดียว ซึ่งบางครั้งเวลาเล่นหรือทำอะไรเยอะๆ บน iPhone 4S เครื่องจะกระตุกบ้าง แต่ใน iPhone 5 ถือว่าลื่นมาก ใช้ดีใช้คล่อง

แบตเตอรี่นานขึ้นแบบรู้สึกได้ (เล็กๆ)


จากการใช้งาน iPhone 5 มาวันกว่า ด้วยการเล่นมันสารพัดอย่างและลองมันทุกสิ่ง จากความรู้สึกผมพบว่า iPhone 5 มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ดีขึ้นเล็กๆ โดยจากการที่แบตเตอรี่เหลือราวๆ 50% ในช่วงบ่ายสาม แต่ก็ยังอยู่รอดมาได้เหลือ 15% ตอนกลับบ้านช่วงสามทุ่ม ซึ่งจากกระประเมินคร่าวๆ แบตเตอรี่ใน iPhone 5 น่าจะอยู่ได้พอดีวันหรือเกินวันมาหน่อยๆ สำหรับคนที่ใช้งานเรื่อยๆ และเล่นเกมบ่อยแต่ไม่ถึงกับบ่อยมาก เทียบกับ iPhone 4S ที่แต่ละวันอาจจะต้องชาร์จเกินหนึ่งรอบ และสำหรับคนที่ไม่ได้ใช้อะไรมากแค่ใช้งานทั่วไป เชื่อว่า iPhone 5 น่าจะอยู่เกินวันหรือสองวันได้ซักที

EarPods


มาดูหูฟังแบบใหม่จาก Apple กันบ้าง ด้วยหน้าตาที่ประหลาด (บางคนแซวว่าเป็นไดร์เป่าผม) ทำให้เกิดข้อสงสัยเหลือเกินว่าเสียงจะออกมาดีไหม ซึ่งเท่าที่ลองฟังในระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมง ก็รู้สึกได้อย่างหนึ่งว่าเป็นหูฟังที่คุณภาพดีขึ้นกว่าเดิมเยอะ พวกเสียงเบสและรายละเอียดต่างๆ มาเยอะดี เพลงแนวป๊อปที่เบสมาเต็มๆ ถือว่าฟังได้สนุกมาก เอาว่าง่ายๆ ถ้าหากไปซื้อ EarPods แยกต่างหากในราคา 1,090 บาท ผมก็รู้สึกว่าราคานี้คุ้มดีกับคุณภาพที่ได้ ซึ่งตอนนี้ผมก็อยู่ในช่วงที่กำลัง Burn หูฟังเพื่อลองดูว่าเสียงจะเปลี่ยนไปเป็นแบบไหนได้อีก

การใส่เข้ากับหูก็แปลกดี โดยหลายๆ คนอาจจะชินกับการที่ต้องมีฟองน้ำมารองรับ แต่ EarPods จะเป็นพลาสติกเพียวๆ ที่เข้ารูปกับรูหูได้ดีทีเดียว แต่บางคน (เช่นผม) อาจจะรู้สึกหลวมๆ หน่อย ส่วนเสียงก็จะรู้สึกว่ายิงตรงเข้ารูหูกันเลยด้วยรูปทรงที่เน้นเอาลำโพงเอียง เข้ามาแบบนี้

Lightning เล็กเว่อร์


เห็นในรูปมานานก็ดูเล็กแล้ว แต่พอมาเห็นสาย Lightning ของจริงผมถึงกับอึ้ง เพราะหัวต่อของ Lightning นั้นเล็กมากจนหัว 30-pin เรียกว่ากลายเป็นปู่ทวดไปเลยด้วยซ้ำ ซึ่งทำให้การใช้งานนั้นสะดวกขึ้นอีกเยอะ การเสียบชาร์จก็ทำได้ง่ายดี ไม่ต้องมาคอยหมุนหาทิศทางอีกต่อไป

สรุป…ซักเครื่องดีไหม?


แน่นอนว่าพออ่านมาจนถึงตรงนี้ หลายๆ คนก็น่าจะพอตัดสินใจได้บ้างแล้วว่า iPhone 5 นั้นเหมาะกับเราเพียงไหน แต่หากจะให้ผมเป็นคนฟังธงลงไปเกี่ยวกับ iPhone 5 ว่าควรจะซื้อไหม ผมก็อยากจะตอบแบบตรงไปตรงมาว่า หากคุณสนใจ iPhone 5 ก็จะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่ๆ เพราะนี่ถือเป็นการเอา iPhone 4S ที่ดีอยู่แล้ว มาเพิ่มเติ่มส่วนที่ขาดหายไป และตัดทอนส่วนที่เกินมาให้พอดี จนกลายมาเป็น iPhone ที่ลงตัวที่สุดเครื่องหนึ่ง

แน่นอนว่าปัญหาเรื่องรอยขีดข่วนจะเป็นอะไรที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่นั่นก็เป็นแค่ส่วนเล็กๆ สำหรับการตัดสินใจ เพราะมันอยู่ที่ว่าเราซื้อ iPhone 5 มาใช้ หรือซื้อมาโชว์เป็นหลัก เพราะถ้าในแง่ของการใช้งาน iPhone 5 สามารถเป็นเพื่อนยามเหงาและเป็นคู่หูในยามสนุกได้ไม่ยาก ส่วนเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกถ้าเอาแค่ความบางเบาผมว่าก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ iPhone 5 อยู่ในใจของใครหลายๆ คนได้ไม่ยาก
ดังนั้น…ลองไปถือ iPhone 5 ดูครับ แล้วจะรู้ว่า Apple เก่งเรื่องทำให้คนเสียเงินโดยไม่รู้ตัวจริงๆ
ขอขอบคุณ: DifferShield สำหรับเครื่องที่ใช้รีวิวครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น